การเลี้ยงลูก
4 ขั้นตอนสอนลูกให้อดทน
วันนี้ลูกเรามีความอดทนแค่ไหน ?
คุณทำอย่างไรเมื่อเขาแสดงอาการที่ไม่น่ารักออกมา ?
เราเป็นพ่อแม่ที่รังแกลูกหลานทางอ้อมอยู่หรือเปล่า ?
วันนี้ลูกเรามีความอดทนแค่ไหน? คุณทำอย่างไรเมื่อเขาแสดงอาการที่ไม่น่ารักออกมา? เราเป็นพ่อแม่ที่รังแกลูกหลานทางอ้อมอยู่หรือเปล่า?เราจะปล่อยให้เค้าไม่รู้จักอดทนไปอีกนานแค่ไหน? แล้วอนาคตเวลาที่ลูกเราอยู่ในสังคมจะเป็นอย่างไร?
ครูเป็กขอเล่าถึงอุปนิสัยที่ 2 ของ 5 อุปนิสัยสู่ความสำเร็จ ที่เด็ก ๆ ควรมี คือ “ความอดทน” ต่อเนื่องมาจากนิสัยแรกคือการถ่อมตน ที่เคยเล่าให้ฟังนะครับ อดทนในที่นี้ไม่ได้หมายถึง อดทนทางด้านร่างกาย แต่หมายถึงอดทนทางด้านอารมณ์และการกระทำ เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ เมื่อเขาต้องพยายามไปให้ถึงจุดหมาย ก้าวข้ามอุปสรรค หรือเมื่อผลลัพธ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราทำ
ผมได้มีโอกาสทำงานกับผู้ปกครองที่น่ารักหลาย ๆ ท่าน และได้เห็นบางครอบครัวบรรยากาศภายในบ้าน ดูไม่สู้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองหรือตัวเด็ก ต่างดึงซะตึง ไม่มีการอดทนต่อกันและกัน มีเพียงแค่การทนไปวัน ๆ โดยไม่มีการแก้ไขให้ดีขึ้น จะช้าจะเร็วก็จะเกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้นตามมา ผมอยากจะมาแบ่งปันเรื่องการฝึกความอดทน ว่าจะเริ่มทำอย่างไรได้บ้าง
1. แม่แบบความอดทน
ในทุก ๆ บทความที่ผมเขียน ผมจะบอกเสมอว่าเด็กจะเรียนรู้จากคนที่เขาใกล้ชิดที่สุด ถ้าผู้ปกครองแสดงถึงการไม่รู้จักอดทน, การรอ, หรือการเข้าคิว เด็กก็จะทำตามแบบอย่าง และความไม่อดทนจะกลายเป็นความเคยชินที่มี การที่เราทำให้ลูกเห็นว่า พ่อแม่อดทนกับสิ่งต่าง ๆ อย่างไร ระวังการใช้อารมณ์ในการพูดคุย เข้าแถวต่อคิวในการซื้อของ รู้จักให้เกียรติกับคนอื่นในสังคม เด็ก ๆ ก็จะมีแม่แบบของความอดทนและจะรู้จักเรียนรู้ และอดทนเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามใจของเขา
2. ฟังแบบมี Feedback
“มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องอดทนรอ ในขณะที่หนูอยากจะไปวิ่งเล่น” ประโยคง่าย ๆ เช่นนี้ที่แสดงว่าพ่อแม่เข้าใจลูก ช่วยให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสอธิบายความรู้สึกที่ตนเองมี เราจะต้องใช้ความนิ่งสะกดอารมณ์ พูดคุยกับลูกด้วยระดับ สายตาเดียวกัน หรือ ที่เรียกว่า eye level และ ใช้ท่าทางประกอบด้วย เพราะที่จริงแล้วเด็ก ๆ อาจจะแค่อยากได้ พูดและต้องการความช่วยเหลือในการระบายความรู้สึกออกมา
3. อดทนเพื่ออดออม
เริ่มฝึกให้ลูกเก็บเงินเพื่อซื้อของเล่น ไม่ใช่ไปห้างเมื่อไหร่ก็ได้ของเมื่อนั้น เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ต้องเริ่มสร้างอุปนิสัยการเก็บหอมรอมริบแต่เด็ก หาซื้อกระปุกหรือขวดโหลเพื่อให้เขาเอาเงินใส่เข้าไป
ฝึกให้ลูกแบ่งเงินเป็นส่วน ๆ ส่วนไหนเพื่อออมทรัพย์ ส่วนไหนเพื่อนำไปซื้อของเล่น คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง การที่ให้เขาได้อะไรมาง่ายเกินไป เพราะจะทำให้เคยชินกับการได้อะไรมาง่าย ๆ และไม่รู้จักอดทน
4. รับมือกับการรอ
สอนให้ลูกเข้าใจว่า 5 นาทีนั้นแปลว่าอะไร เพราะบางทีเด็ก ๆ อาจจะยังไม่เข้าใจว่า “5 นาที” นั้นนานแค่ไหน สอนเรื่องนาฬิกา หรือ มีนาฬิกาทราย หรือ Timer (นาฬิกาจับเวลา) เพื่อช่วยให้เขาเห็นภาพมากขึ้น และเมื่อไหร่ต้องรอ ก็หาอะไรทำแก้เหงากันไปได้ครับ ไม่ใช่ไม่รอ แต่รอแล้วทำอย่างอื่นไปด้วย เล่นไอโฟนสิ… เอ่อ… ไม่ใช่ละ… (คนเป็นพ่อแม่ก็ต้องสะกดใจตัวเองไม่ให้หยิบโทรศัพท์มา กดเล่นเหมือนกันครับ)
เด็กทำตามเราแน่ ๆ มาลองเล่นเกมส์กันไป เช่น แข่งกันหาสิ่งของตรงหน้าเราที่เป็นวงกลม หรือ ที่เป็นสีแดง, ผลัดกันเล่านิทานโอเวอร์, I-Spy, หรือ เกมส์ต่อคำ ลองใช้เวลาที่ต้องรอนี้ให้มีประโยชน์มากขึ้น
เทคโนโลยีทำให้ความอดทนของคนเราน้อยลง ในฐานะผู้ปกครองเองก็ต้องฝึกฝน เรื่องการอดทนมากขึ้น ในการใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและ การเอาตัวรอดที่โหดร้ายนี้ ลองมาทำ 4 ขั้นตอนข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความอดทนให้กับตัวเราและ ลูกหลานของเรากันดีกว่าครับ
แวะมาพูดคุยกับพวกเราชาวอินสติ๊งค์ฯ
ได้ที่ อินสติ๊งค์ เลิร์นนิ่ง (insThink Learning)
ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์ โซน Genius Planet
ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ หรือ โทร 084 515 4151