การเลี้ยงลูก, เกี่ยวกับ insThink
พาลูกเที่ยวลอนดอน ตอนที่ 3
ตอนที่ 3: ทำอะไรดีที่ลอนดอน
มาถึงตอนที่ 3 ตอนสุดท้ายของการพาลูกเที่ยวลอนดอน (ขออภัยที่ทิ้งช่วงไปนานค่ะ) คราวนี้ติ๊กจะมาเล่าให้ฟัง ว่าเราพานัทชาวัย1 ขวบไปทำอะไรบ้างที่ลอนดอน ตามอ่านเรื่องราวของการพาลูกเที่ยวลอนดอน ตอนที่ 1: มาเริ่มเตรียมของและเตรียมใจให้พร้อมกันเถอะ และ ตอนที่ 2: ทำพาสปอร์ต เตรียมบิน และหาที่พัก เพื่อเป็นตัวช่วยคุณพ่อคุณแม่ในการเตรียมตัวพาลูกเที่ยวต่างประเทศได้ค่ะ ท้าวความสั้น ๆ สำหรับคนที่เพิ่ง มาเริ่มอ่านที่ตอนที่ 3 ติ๊กและเป็กพานัทชาวัย 1 ขวบ (ณ ขณะนั้น) ไปลอนดอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ติ๊กไปเรียน 2 สัปดาห์เต็ม ๆ ส่วนพ่อเป็กก็ไปเลี้ยงลูกเป็นหลักตอนติ๊กเรียน เวลาที่เหลือและช่วงเสาร์-อาทิตย์ เราก็พานัทชาตัวป่วน เที่ยวลอนดอนกันค่ะ

คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว (ชั่วคราว)
ตอนแรกคิดหนักมากว่าจะพาลูกไปด้วยกันดีหรือเปล่า เพราะความที่ติ๊กไปเรียนเป็นหลัก ภาระการเลี้ยงลูกจะต้องตกอยู่ที่เป็กเยอะมากและจะไม่มีใครช่วยเป็กระหว่างวันเลย ต้องเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวแบบชั่วคราวเราทั้งคู่หวั่นใจมาก แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะพาลูกไป ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุยและบอกตัวเองว่า “ยังไงก็ต้องไหว จ่ายเงินไปหมดแล้วนี่ 55! ” ทุกเช้าเป็กจะแบกลูกใส่เป้อุ้ม เพื่อขึ้นรถเมล์ไปส่งติ๊กที่ College แถว Oxford Street ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เหตุผลที่เราเลือกรถเมล์ถึงแม้จะใช้เวลานานกว่านั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน เพราะลูกชอบดูวิว ดูผู้คนตามท้องถนนส่วนพ่อเป็กก็นั่งจับ Pokemon ไปตลอดทาง ถูกใจทั้งพ่อทั้งลูก ส่งแม่เข้าเรียนเสร็จ เป็กก็พาลูกเดินเล่นแถว Oxford Street ก่อนจะขึ้นรถกลับที่พักเพื่อเอาลูกนอน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นับว่าท้าทายมากที่สุด ปกติตอนอยู่เมืองไทย นัทชาสามารถ นอนเองได้ช่วงกลางวัน เพราะได้ผ่าน sleep training มาแล้ว แต่พอไปที่ลอนดอน ทุกอย่างพัง! ถึงแม้เราจะเตรียมอุปกรณ์ การนอนที่ลูกคุ้นเคยมาทุกอย่าง นัทชาก็ไม่ยอมนอนเองร้องไห้โวยวาย ปาของทุกอย่าง ออกมาจากเตียง! เดาว่าเป็นเพราะแปลกที่ และคงต้องใช้เวลาปรับตัว นัทชาเป็นเด็กที่นอนยากมาก ปกติถ้าไม่ยอมนอนเอง ก็จะมาดูดนมแม่หลับ แต่พ่อเป็กไม่มีเต้าไว้เป็นตัวช่วยก็เลยเหนื่อยหน่อย ต้องสรรหาวิธีการมากมาย มาทำให้ลูกนอน แต่ละวันไม่ซ้ำกัน เป็นการฝึกความคิดสร้างสรรค์ของพ่อเป็กขั้นสูง 555 วันไหนลูกไม่ยอมนอน ก็แบกลูกออกไปเดินเล่นอีกรอบเป็นการกล่อมลูกไปในตัว หาของกินไปเรื่อย กินไปแบกลูกไป หันมาอีกทีหัวลูกเต็มไปด้วยเศษอาหาร 55 แต่
สิ่งหนึ่งที่เป็กสังเกตุเห็นได้ก็คือการที่คุณพ่อพาลูกไปเดินเล่น คอยดูแล ป้อนข้าว ป้อนน้ำคนเดียว
นั้นเรียกความสนใจจากผู้หญิงที่เดินผ่านได้มากมาย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ยันคนแก่ สาว ๆ เหล่านั้นส่งยิ้มให้เป็กด้วยความชื่นชม จนพ่อเป็กรู้สึกภูมิใจและกระยิ่มยิ้มย่องมาก ๆ คิดจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการเริ่มคุยกับสาว ๆ ชาวอังกฤษ 555


กิจกรรมตอนบ่ายส่วนใหญ่เป็กก็จะพาลูกออกไปเดินเล่น เน้นสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ข้อดีของลอนดอนคือมีสวนสาธารณะ มากมายทั้งใหญ่และเล็ก ที่ ๆ นัทชาโปรดปรานมากที่สุดคือ Diana Princess of Wales Memorial Playground อยู่ติดกับ Underground สถานี Queensway ช่วงที่เราไปเป็น Summer อากาศดี ไม่หนาวและไม่ร้อนเกินไป นัทชาสนุกกับการ (หัด) เดินเล่นในสวน เล่นชิงช้า ยิ้มแย้มทักทายเด็ก ๆ คนอื่น ลูกดีมีความสุขมาก กลับมาเมืองไทยแล้วก็ยังอดคิดถึงสวนสาธารณะและ สนามเด็กเล่นเหล่านั้นอยู่ จนแอบเพ้อกับตัวเองว่า เดี๋ยวก็พาลูกไปอยู่ลอนดอนซะนี่! พอตกเย็น เป็กก็มารอรับติ๊กที่ Underground สถานี Queensway เพื่อเดินกลับที่พักพร้อมกัน ระหว่างทางก็แวะซื้ออาหารเย็น ของพ่อกับแม่กลับไปกินที่ที่พัก กลับถึงที่พัก ก็จัดการป้อนข้าวเย็นลูก พ่อกับแม่ผลัดกันกินข้าว อาบน้ำลูก เอาลูกเข้านอน ล้างจาน ดูนาฬิกาอีกที 3 ทุ่มละ เหอ เหอ เหนื่อยสายตัวแทบขาด พ่อก็ได้เริ่มนั่งอ่านหนังสือ ชิล ๆ ส่วนแม่ก็เริ่มทำการบ้านและเฝ้าภาวนา ขอให้ลูกหลับยาว ราตรีนี้อีกยาวไกลนัก!
การเดินทางในลอนดอน
เที่ยวลอนดอนสะดวกสบายทีเดียว ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางในเมืองเลย การเลือกที่พักใกล้ป้ายรถเมล์ สถานี Underground หรือ Overground นั้นทำให้ชีวิตสะดวกมาก บ้านเราใช้บริการระบบขนส่งของลอนดอนเกือบครบทุกอย่าง ทั้งรถเมล์, Underground, Overground, รถไฟ ขอแค่มี บัตร Oyster (ซื้อได้จากเคาน์เตอร์ที่ทำวีซ่าอังกฤษ) ใบเดียวก็ไม่ต้องกังวลแล้วค่ะ มีบางครั้งที่เราใช้แท็กซี่ และ Uber โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เหนื่อยจริง ๆ ร่างของพ่อกับแม่จะแหลก เดินไม่ไหวแล้ว ก็ต้องใช้เงินแลกความสะดวกบ้าง แต่น้อยครั้งมาก ๆ และนี่คือความเห็นของครอบครัวเราเกี่ยวกับระบบขนส่งแบบต่าง ๆ ของลอนดอน และเหตุการณ์มัน ๆ ที่เราได้เจอค่ะ
รถเมล์ เราชอบใช้รถเมล์ในช่วงเวลาที่ไม่รีบเร่ง เพราะลูกชอบดูวิว และพ่อจะได้จับ Pokemon (อันนี้เรื่องซีเรียสนะคะ!) บางครั้งถ้านั่งรถเมล์ต่อเดียวแล้วไปถึงปลายทางเลยเราก็เลือกนั่งรถเมล์ แทนที่จะขึ้น Underground แต่ต้องไปต่อหรือเปลี่ยนสายเพราะการเคลื่อนตัวโดยมีลูก รถเข็น และอุปกรณ์อีกมากมายนั้นลำบากอยู่ค่ะ เราเลยเลือกการเดินทางที่ต้องเคลื่อนตัวน้อยที่สุดรถเมล์ที่ลอนดอนมีพื้นที่ให้เราวางรถเข็นโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้การแบกของมากมายไม่ได้ลำบากลำบนอะไร แต่ถ้าบริเวณที่วางรถเข็น นั้นเต็มแล้ว คนขับรถจะไม่อนุญาติให้คนที่มีรถเข็นขึ้นอีก ซึ่งเค้าจะบอกเราเลยตั้งแต่เราจะก้าวขึ้นรถ ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ก็ต้องรอคันต่อไปค่ะ
Underground (Tube) ใช้บ่อยเหมือนกันค่ะ รวดเร็ว สะดวกทีเดียว เก่าบ้าง ใหม่บ้างแล้วแต่สาย ส่วนใหญ่ทุกสถานีจะมีลิฟท์ สำหรับคนที่มีรถเข็น ทำให้เราไม่ต้องแบกลูกกับรถเข็นขึ้นบันไดเลื่อนหรือบันไดธรรมดาให้เมื่อยขา แต่ แต่ แต่ ความโชคดีไม่ได้มีเสมอไปค่ะ ในตอนเย็นของวันที่เราเหนื่อยมากวันนึง เราก็พบว่าบันไดเลื่อนที่สถานีปลายทางเสีย (จำไม่ได้แล้วว่าสถานีอะไร) โดยที่สถานีนั้นไม่มีลิฟท์ และบันไดเลื่อนยาวถึง 200 ขั้นได้ OMG ตอนที่ตระหนักว่าต้องแบกลูกหนัก 10 กิโล รถเข็นและข้าวของอีกมากมายเดินขึ้นบันไดกว่า 200 ขั้นนั้นเข่ามันทรุดตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดิน ติ๊กแบกลูก เป็กแบกรถเข็นและของทั้งหมด พร้อมลุย! มีหยุดพักหายใจระหว่างทางบ่อยครั้ง มีหลายครั้งที่พอมองขึ้นไปด้านบนแล้วก็รู้สึกจะเป็นลม เดินไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ทัน คนที่เดินขึ้นบันไดข้างหน้าเราเป็นชายสูงวัย อายุน่าจะ 60 ปีขึ้นไป เค้าก็เหนื่อยมาก หันมาบอกเราให้แซงเค้าไปได้เลยเราก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ไม่ไหวเหมือนกัน ขอไต่ตามคุณลุงเหมือนเดิมนะคะ พอขึ้นมาถึงด้านบน พ่อแม่หอบแฮกนัทชาตัวป่วนก็เริ่มร้องไห้งอแง คงเป็นเพราะเหนื่อยและหิวแล้ว ความที่พ่อกับแม่เหนื่อยมากจากการเดินขึ้นบันไดและแบกของ ก็เลยจะเอานลูกนั่งรถเข็น ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียว พ่อเป็กเลยงัดวิทยายุทธ์ขั้นสุดมาใช้ คือ “คุย ” กับลูก เป็กย่อตัวลงนั่งในระดับเดียวกับลูก มองตานัทชา แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ป๊าเข้าใจว่าหนูไม่อยากนั่งรถเข็นตอนนี้ แต่ตอนนี้ป๊ากับแม่เหนื่อยมาก ๆ อุ้มหนูไม่ไหว นัทชานั่งรถเข็นแป๊บเดียวนะ แล้วพอถึงร้านหนังสือนัทชาค่อยออกมาช่วยพ่อกับแม่หน่อยนะลูก” นาทีนั้นติ๊กคิดอย่างเดียวว่า จะได้ผลเหรอวิธีนี้ แต่ก็ต้องประหลาดใจ เพราะนัทชาหยุดร้องไห้ และยอมนั่งรถเข็นแต่โดยดี ติ๊กกับเป็กมานั่งคุยกันทีหลังว่า ถึงแม้ลูกจะอายุเพียง 1 ขวบ ยังพูดไม่ได้ แต่เค้าเข้าใจและรับรู้ถึงสิ่งที่เราขอร้องถ้าเราพูดจากับเค้าดี ๆ อย่าใช้อารมณ์ เด็ก ๆ เค้าซึมซับ เข้าใจ และรับรู้ได้จริง ๆ ค่ะ บอกเลย วันนั้นภูมิใจในตัวลูกมาก 🙂
Uber อยู่เมืองไทยเราใช้ Uber ค่อนข้างบ่อย พอไปถึงอังกฤษก็ยังได้พึ่งพาในยามจำเป็น เร่งรีบ และเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง Uber ที่อังกฤษมีหลายประเภทกว่าของเมืองไทยมาก ที่น่าสนใจคือ UberPool คือเราสามารถแชร์รถกับคนอื่นได้ ทำให้ราคาค่าโดยสารถูกลง แต่เราไม่เคยใช้ เพราะของของเรามักจะเยอะและการที่มีนัทชานั่งรถไปด้วยแบบไม่มี car seat มันวุ่นวายมาก ตอนแรกเรากังวล กับการพาลูกขึ้น Uber แบบไม่มี car seat เพราะเข้าใจว่าที่อังกฤษน่าจะมีกฏหมายเรื่องการที่เด็กต้องนั่ง car seat อยู่คนขับบางคันไม่ได้ว่าอะไรกับการที่เด็กไม่ได้นั่ง car seat แต่ก็มีบางคนที่ซีเรียสมาก ตอนแรกถึงกับจะไม่ยอมให้เราขึ้นรถเพราะกลัวโดนตำรวจจับ สั่งให้เราพยายามซ่อนลูกไม่ให้ตำรวจเห็น ซึ่งเราก็พยายามแต่ก็เป็นไปได้ยากในบางทีเพราะลูก อยากจะเกาะกระจกดูวิว อันนี้ก็แล้วแต่ว่าเราจะเจอคนขับแบบไหน สิ่งที่ท้าทายในการใช้บริการ Uber ที่อังกฤษ คือการติดต่อกับคนขับ และอธิบายว่าเราอยู่ตรงไหน เพราะเราไม่รู้จักสถานที่เหล่านั้นดีพอ และถ้าเรียกรถแล้วมีการ cancel เราจะโดนปรับครั้งละ 5 ปอนด์นะคะเราโดนไป 2 ทีค่ะ ก็แค่ครั้งละเกือบ 250 บาทเท่านั้นเอง เศร้า แต่ยังไง Uber ก็ช่วยชีวิตเราหลายครั้งและค่าบริการจากการนั่งรถ ไปสนามบินก็ถูกกว่าแท็กซี่ทั่วไปด้วย
ไปเที่ยวที่ไหนดี
ถ้าเป็นช่วงก่อนมีลูก เวลาไปเที่ยวเราถึงไหนถึงกันมาก แต่รอบนี้มีลูกไปด้วย การเที่ยวก็เปลี่ยนไป ไม่เน้นเที่ยวแบบอัดแน่น เอาแบบสบายใจ เหนื่อยบ้าง แต่ไม่มากเกินสังขารรับไหว 55 เลือกที่เที่ยวเพื่อให้ทุกคนในบ้านแฮปปี้ ทั้งพ่อ แม่ และลูก ขอนำเฉพาะที่ไฮไลท์มาเล่าให้ฟัง ที่ ๆ หลาย ๆ ท่านอาจจะคุ้นเคยอยู่แล้วอย่าง Tower of London, Big Ben, Westminster Abbey, London eye, etc. หรือเป็น Tourist place มาก ๆ ไม่ได้นำมาเล่าให้ฟังนะคะ เพราะน่าจะหาข้อมูลจากที่อื่นได้ไม่ยาก
ZSL London Zoo

นัทชาเป็นคนชอบดูนก เราเลยคิดว่ายังไงก็ต้องพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์ แนะนำให้ไปตั้งแต่เช้า คนจะได้ยังไม่เยอะมาก ความที่ลูกยังเล็กเราคิดว่าลูกไหวแค่ไหนก็แค่นั้น ไม่จำเป็นต้องดูทุกอย่าง หรืออยู่ทั้งวัน เน้นแค่ที่ลูกชอบก็พอ เราไปดูโชว์นก 2 โชว์ และไปดูสัตว์ที่ลูกสนใจเป็นหลัก นัทชาแฮปปี้ดี๊ด๊ามาก เพราะไม่เคยเห็นนกรวมตัว อยู่ที่เดียวกันมากขนาดนี้ 55 ถึงจะง่วงแหละเหนื่อยมาก แต่ก็สนุกเราทานข้าวกลางวันที่สวนสัตว์ ซึ่งมีอาหารให้เลือกพอสมควร แต่คนเยอะมาก ต้องใช้เวลาต่อแถวซื้ออาหารค่อนข้างนาน เลยอยากให้เผื่อเวลาไว้นิดนึงค่ะ อีกอย่างที่ต้องทำใจกับสถานที่เที่ยวของเด็กก็คือ ห้องน้ำสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อมอาจจะรอนานหน่อย ถ้ารอไม่ไหวจริง ๆ คุณพ่อหรือคุณแม่อาจจะต้องลุยเดี่ยว พาลูกไปเปลี่ยนในห้องน้ำของผู้ใหญ่ ซึ่งก็จะมีถาดรองเปลี่ยนผ้าอ้อมอยู่ค่ะ สิ่งที่ประทับใจอีกอย่าง ของสวนสัตว์ก็คือ ร้านขายของที่ระลึก ของน่ารักเยอะมากกกกแต่ ตัดใจค่ะ ซื้อมาแค่ไม่กี่อย่าง เอาแค่ที่จำเป็นจริง ๆ บางครั้งคุณแม่ก็ต้องข่มใจในการซื้อของให้ลูกบ้างค่ะ 55

แนะนำสุด ๆ สำหรับสนามเด็กเล่นนี้ ลูกมีความสุขมาก ๆ ถึงจะเล่นอะไรไม่ค่อยได้ก็เถอะ เด็ก ๆ เยอะมาก ลูกคงรู้สึกตื่นเต้น ที่ได้เห็นคนตัว เท่า ๆ กันเต็มไปหมด 555 หลัก ๆ คือพานัทชาไปเล่นชิงช้า เดินเล่น ดูต้นไม้ อยู่ในพื้นที่สีเขียว แล้วมันสบายใจ สูดอากาศดี ๆ ได้เต็มปอด เราโชคดีที่สนามเด็กเล่นนี้อยู่ไม่ไกลจากที่พักมาก เลยได้ไปเยี่ยมเยียนหลายครั้ง ที่สำคัญเค้ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วย คือห้ามผู้ใหญ่ที่ไม่มีเด็กมาด้วยเข้าเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะ พาลูกไปเที่ยวซักครั้งนะคะ
พระราชวังนี้อยู่ในบริเวณเดียวกับสนามเด็กเล่นค่ะ ขนาดไม่ใหญ่มาก ถ้าใครเคยไปเที่ยวพระราชวังในยุโรปมาหลายที่แล้วก็คงจะ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรซักเท่าไหร่ สิ่งที่เราประทับใจก็คือการบริการของเจ้าหน้าที่ในพระราชวัง สนามรอบ ๆ วัง และทะเลสาปที่อยู่ ไม่ห่างมากนัก เจ้าหน้าที่ทุกคนน่ารักมาก พอเห็นเรามีเด็กและรถเข็นก็แนะนำทันทีว่าลิฟท์อยู่ตรงไหน พร้อมทั้งคุยเล่นกับนัทชา และอาสาถ่ายรูปครอบครัวให้ ถ้ามีเวลาขอแนะนำให้มาเดินเล่นบริเวณทะเลสาปต่อค่ะ นัทชาตื่นเต้นกับห่านและหงส์ตรงทะเลสาปมาก แต่เราไม่ได้อยู่นานเพราะลมค่อนข้างแรงและลูกเริ่มน้ำมูกไหล กลัวจะป่วยซะก่อน


เที่ยวตามใจลูกไปแล้ว คราวนี้ตามใจพ่อบ้างค่ะ ถ้าใครแพลนจะไปที่ Warner Brothers Studio ต้องจองตั๋วล่วงหน้านะคะ แนะนำว่าควรเข้าไปซื้อตั๋วใน website อย่างน้อย 1 เดือนล่วงหน้า เพื่อจะได้มีโอกาสเลือกวันและเวลาที่เราสะดวก หรือจะซื้อตั๋ว ที่เคาน์เตอร์ของที่ทำวีซ่าอังกฤษก็ได้ ซึ่งก็จะสะดวกกว่าเพราะจะมีบริการรถ shuttle bus มารับถึงที่โรงแรม บ้านเราพลาด เพราะไปซื้อเองจาก website เลยต้องจัดการเรื่องการเดินทางกันเอง (ซึ่งหลายต่อมาก ๆ) ถ้าใครซื้อตั๋วผ่านทาง website ก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้ส่งตั๋วมาที่บ้านก่อนเดินทาง หรือไปรับตั๋วเองที่ Studio เลยตอนที่ไปเที่ยว การเดินทางนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนเล็กน้อย ถ้าพักอยู่ในตัวเมืองลอนดอนก็ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินและไปต่อรถไฟเพื่อไปลงที่สถานี Watford ซึ่งจะมี Shuttle Bus ของ Warner Brothers มารอรับเพื่อไปส่งที่ Studio ต้องจ่ายเงินค่ารถต่างหากนะคะ แนะนำว่าให้ไปถึงที่สถานี Watford ก่อนเวลาในตั๋วประมาณ 45 นาที เพื่อจะได้มีเวลาเดินและรอรถโดยไม่ต้องรีบร้อนมาก บ้านเราไปค่อนข้างสายค่ะ กลัวจะไม่ทันเวลาตั๋วที่จองไว้ เลยตัดสินใจเรียก Uber จากสถานี Watford ไปที่ Studio ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที จ่ายเงินค่ารถไปประมาณ 8 ปอนด์ ซึ่งก็พอรับได้


สำหรับคนที่ชอบ Harry Potter แนะนำให้มาเยือนค่ะ พ่อเป็กฟินมาก ยอมรับว่าเค้าทำได้ดีจริง ๆ อลังการงานสร้าง ประทับใจ ที่ชอบอีกอย่างคือ Butterbeer มันอร่อยมาก รสชาติประมาณ Caramel cream soda ดีงามจริง ๆ ถึงแม้ราคาจะแพงอยู่ แต่เราคิดว่าไหน ๆ ก็มาแล้ว เลยจัดไปทั้ง Butterbeer และ Butterbeer ice cream ค่ะ หมดไปหลายอยู่ แต่มันอร่อยจริง ๆ 🙂 ตอนแรกเรากังวลว่าเสียงภายใน Studio จะเป็นอย่างไรบ้าง ดังมากหรือเปล่า ถ้าพานัทชามาเค้าจะนอนได้ไม๊ คำตอบคือได้ค่ะ เสียงไม่ได้ดังมาก เด็กหลับได้ ตรงไหนเสียงดัง เราก็เดินหลบหลีกเอา นัทชาหลับไปเกือบ 3 ชั่วโมง แม่แบกใส่เป้หลับค่ะ เมื่อยมากแต่ลูกได้นอนเต็มอิ่ม ตื่นมาอารมณ์ดี เราก็โอเคแล้ว 🙂
Wimbledon Lawn Tennis Museum & Tours
นี่เป็นที่สุดท้ายที่จะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง คราวนี้ตามใจแม่บ้างค่ะ ด้วยความที่ครอบครัวเราชอบดูกีฬา โดยเฉพาะเทนนิสและ ฟุตบอลมาอังกฤษคราวนี้ต้องขอมาเยือนสนามใดสนามหนึ่ง ตัดสินใจเลือก Wimbledon ค่ะ แล้วก็ไม่ผิดหวัง ประทับใจทั้ง Tour และ พิพิธภัณฑ์มากใครที่เป็นแฟนเทนนิสอยากให้มาเยือนค่ะ ต้องยอมรับว่าพิพิธภัณฑ์เค้าทำดีจริง ๆ มีให้เลือกดูวิดีโอ Winning shot ของแชมเปี้ยนชิพเกมส์ของแต่ละปี เหมือนได้มาระลึกความหลัง ได้สัมผัส Center court ได้เห็นห้องแถลงข่าวโอ๊ย ขุ่นแม่ฟิน! ที่ลำบากเล็กน้อยคือรถเข็นที่เราพกมาด้วย เพราะระหว่างเดินทัวร์สนาม ต้องมีขึ้นบันไดบ่อยครั้ง และบางครั้งก็ไม่มี ลิฟท์คอย อำนวยความสะดวก แต่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลกรุ๊ปทัวร์เราน่ารักมาก คอยช่วยเหลือเรื่องรถเข็นตลอด เลยได้เดินทัวร์แบบไม่ต้อง กังวลอะไรมากค่ะ

เที่ยวลอนดอนกับลูกรอบนี้ได้ประสบการณ์ดี ๆ กลับมามากมาย ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับลูกเยอะมาก และรับรู้ได้ว่าเค้าปรับตัว ได้ดีกว่าที่เราคาดหวังไว้เยอะทีเดียว ถ้าคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนอยากพาลูกเที่ยว แต่ยังกังวลใจอยู่ ขออย่าได้กลัวนะคะ แค่เตรียมตัวให้พร้อม รับรองว่าต้องมีเรื่องราวดี ๆ กลับมาคุยกันต่ออีกยาวค่ะ ขอให้สนุกกับการพาลูกน้อยไปผจญภัยค่ะ
แวะมาพูดคุยกับพวกเราชาวอินสติ๊งค์ฯ
ได้ที่ อินสติ๊งค์ เลิร์นนิ่ง (insThink Learning)
ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์ โซน Genius Planet
ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ หรือ โทร 084 515 4151