การเลี้ยงลูก
ถ้าอยากให้ลูกคุยกับคุณ
เด็กโตขึ้นมาเปลี่ยนแปลงทุกวัน วันก่อนชอบดู Naruto
วันนี้ชอบซีรีสย์ Flash พรุ่งนี้อาจจะเปลี่ยนเป็น Lost
เราในฐานะพ่อแม่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างไร ?
เด็กโตขึ้นมาเปลี่ยนแปลงทุกวัน วันก่อนชอบดู Naruto วันนี้ชอบซีรีสย์ Flash พรุ่งนี้อาจจะเปลี่ยนเป็น Lost เราในฐานะพ่อแม่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างไร? จะทำยังไงถ้าเราตามเค้าไม่ทันแล้วเค้าเริ่มไม่อยากคุยกับเรา? พอเค้าเป็นวัยรุ่นเค้ากลับมองเราเป็นศัตรู ผู้ที่คอยขัดความสุขของเค้า แล้วเราจะทำอย่างไร?
วิธีแก้ละมีไหม?
ผมมองว่ามันก็เหมือน Office Syndrome แหละครับ ยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งเกินเยียวยา หรือจะให้หายก็ต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ ดังนั้นเรามาเริ่มสร้างอุปนิสัยที่ทำให้ลูกคุยกับเราตั้งแต่เด็กดีที่สุดครับ ถ้าเปรียบกับการลงทุน เราต้องเลี้ยงลูกเหมือนที่เราซื้อ RMF หมั่นซื้อเรื่อย ๆ แล้วผลตอบแทนจะอีกนานแสนนาน…
1. ให้เวลา
เมื่อเรากลายเป็นพ่อแม่เมื่อไหร่ ก็เท่ากับว่าเรามีงานหลักเพิ่มอีก 1 งาน เราก็คงต้องเลือกแล้วแหละครับ ว่าเราจะเหนื่อยตอนเค้าเล็ก ๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาเค้าให้มากที่สุด หรือว่าจะสบายก่อน โดยการโปรยของเล่น ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือเกมส์ แล้วต่อไปค่อยว่ากัน คำพูดที่ผมมักจะพูดที่สถาบัน insThink Learning กับเพื่อน ๆ ที่มีลูกเล็ก ๆ เสมอว่า “จะเลือกเหนื่อยตอนนี้ หรือรอให้โตค่อยเหนื่อย! แต่ต้องเข้าใจนะ ว่ายิ่งโตก็ยิ่งปวดหัว” เราทุกคนงานยุ่งมากมาย เราต้องบริหารเวลา ไม่ใช่ให้เวลามาบริหารเรา ลูกเราจะ 8 ขวบ 4 เดือน 16 วัน แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลายคนบอกว่า “ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี่หน่า ต้องทำงาน” ลองคิดดูซิครับ ว่าถ้าคนที่เรารักที่สุดในโลก หันมาบอกว่าไม่มีเวลาให้ เราจะรู้สึกอย่างไร… อย่างน้อยที่สุด เราจะต้องแบ่งเวลาซัก 10 นาทีก่อนลูกนอนในแต่ละวัน เป็น Our Time ในการพูดคุย, นอนเล่น, หรืออ่านหนังสือ ในบรรยากาศที่เงียบสงบ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์และพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน…

2. เป็นเพื่อน
“โอ๊ย… มันเป็นไปไม่ได้…” ถ้าเกิดเราพอใจกับคำแก้ตัวนี้ ก็คงไม่ต้องทำก็ได้… T_T แต่การเลี้ยงดูเด็กในโลกเทคโนโลยีนี้ เราตามเด็กไม่ทันหรอกครับ คุมยังไงก็ไม่อยู่ เราต้องทำทุกวิถีทางที่ให้เค้ารู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนคนนึง ที่สามารถมาพูดคุย ยามที่มีปัญหาได้ ที่นี้จะอย่างไร? พ่อแม่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่ลูกชอบ เช่น เล่นเกมส์ ดูหนังการ์ตูน มีหลายคนมักจะบอก ผมอีกว่า “ก็ผมไม่ชอบทำในสิ่งเหล่านั้นนี่ ผมชอบนอนดูฟุตบอล” เราจะรู้สึกอย่างไรถ้ามีคนมาแสดงความสนใจ ในเรื่องที่เราชอบ เราก็คงอยากคุยกับเค้า ใช่ไหมครับ คุยเล่นกับเค้าเยอะ ๆ สร้างบรรยากาศสนุก ๆ พ่อแม่เป็นอย่างไร เด็กก็จะเป็นอย่างนั้น ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันเลย ถ้าเราเป็นเพื่อนกับเค้าได้ เค้าจะมีการคิดวิเคราะห์ที่ดีขึ้นทวีคูณ

3. สร้างบรรยากาศและวัฒนธรรม
พ่อแม่ต้องสร้างบรรยากาศการแบ่งปัน พูดคุย และปรึกษา ทำให้เค้าดูเป็นตัวอย่าง ว่าเราก็ปรึกษากัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หรือแม้แต่กระทั่งให้โอกาสเค้ามีส่วนร่วมในการพูดคุย (จริง ๆ แล้วเด็กส่วนใหญ่อาจจะพยายามพูดคุย แถมพูดไม่หยุดเลยด้วยซ้ำ) ต้องแสดงให้เค้าเห็นถึงวัฒนธรรมที่เคารพผู้อื่น ไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใครหรือทำอาชีพอะไรก็ตาม ทำให้ลูก ๆ อยากคุยกับเรา อยากปรึกษาเรา อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ บางครั้งเราก็ต้องสร้างบรรยากาศที่ว่า การยอมแพ้อะไรง่าย ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ครอบครัวเราไม่โอเค “ต่อให้คุณมีพรสวรรค์ แต่ถ้าคุณไม่มีพรแสวง คุณก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้”

การที่จะให้ลูกคุยกับเรา มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวและได้ผลทันที พ่อแม่จะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะเหนื่อยในตอนแรกนี้เพื่อบ่ม ให้เค้าสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ด้วยตัวของตนเอง ในสังคมที่อยู่ยากขึ้นนี้ได้อย่างไร การให้เวลากับเค้า การเป็นเพื่อนกับเค้า การให้เค้าได้มีประสบการณ์ และการสร้างบรรยากาศที่ดีตั้งแต่เค้ายังเล็ก ๆ จะทำให้เค้าอยากปรึกษาและพูดคุยกับคุณทุกเรื่อง เลี้ยงเด็กนั้นคืองานประจำอีกหนึ่งงาน ซึ่งเป็นงานที่จะต้องประสบความสำเร็จด้วย… ครูเป็กขอเอาใจช่วยผู้ปกครองทุกท่านนะครับ
แวะมาพูดคุยกับพวกเราชาวอินสติ๊งค์ฯ
ได้ที่ อินสติ๊งค์ เลิร์นนิ่ง (insThink Learning)
ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์ โซน Genius Planet
ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ หรือ โทร 084 515 4151