การเลี้ยงลูก
พ่อแม่รับได้หรือไม่ เมื่อลูกไม่ประสบความสำเร็จตามทางที่เราวางไว้
“ในฐานะแม่คนหนึ่ง ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเลย วันที่ลูกไม่กล้าเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เราฟังเพราะคิดว่าแม่คงไม่เข้าใจเขาหรอก”
อาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้คุยกับคุณแม่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณหมอ และเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ คุณแม่ท่านนี้พาลูกมาเรียนอินสติ๊งค์ฯ ตั้งแต่ยุคบุกเบิก อยู่กันมา 5 ปีได้เห็นเด็ก ๆ เติบโตตั้งแต่เด็กสาวตัวน้อย อารมณ์ร้อน มาเป็นสาวน้อยกำลังเข้าสู่วัยรุ่น มีความรับผิดชอบ รู้จักควบคุมอารมณ์ ดูแลน้องสาวได้เป็นอย่างดี พูดคุยอธิบายคอร์สของอินสติ๊งค์ฯ ให้ผู้ปกครองท่านอื่นฟังได้! จนคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นที่พึ่งพาลูกมาเรียนกับอินสติ๊งค์ฯ พูดชมกันไม่ขาดปาก
วันนั้นติ๊กได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณแม่หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเลี้ยงลูก
คุณแม่แชร์ให้ฟังถึงเคสของนักเรียนแพทย์ที่คุณแม่ได้พบเจอ ว่าเด็กนักเรียนแพทย์หลายคนเข้ามาเรียนแพทย์เพราะ “เรียนเก่ง”, “พ่อแม่อยากให้เรียน” หรือ “เป็นหมอแล้วรวย” โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าจริง ๆ ตัวเองต้องการอะไร พอถึงจุด ๆ หนึ่งของการเรียน มันยากขึ้น ต้องออกปฎิบัติตรวจคนไข้จริง ๆ กลับทำได้ไม่ดีเหมือนตอนที่เรียนทฤษฏีในช่วงปีต้น ๆ แน่นอนว่าพอทำได้ไม่ดี คะแนนและเกรดก็ตกลง เด็ก ๆ ผิดหวัง เพราะทั้งชีวิตเรียนเก่ง ได้คะแนนดีมาตลอด แต่สิ่งที่น่าผิดหวังและน่าเสียใจยิ่งกว่าคือ เด็ก ๆ ไม่สามารถบอกเรื่องนี้ให้กับผู้ปกครองฟังได้ เพราะ “คุณแม่ไม่เข้าใจหนูหรอกค่ะ อาจารย์อย่าไปบอกคุณแม่นะคะ”
- มันเกิดอะไรกันขึ้น?
- ทำไมลูกถึงไม่กล้าเล่าความจริงให้พ่อกับแม่ฟัง ทั้ง ๆ ที่เป็น “แค่” เรื่องเรียน? (แน่นอนว่าต่อไปในภายภาคหน้าต้องมีเรื่องใหญ่กว่าเกรดไม่ดีแน่นอน)
- พ่อกับแม่รู้จักลูกดีแค่ไหน และกำลังตั้งความหวังกับลูกเกินความเป็นจริงหรือเปล่า?

ในฐานะแม่คนหนึ่ง ฟังแล้วรู้สึกเสียใจและไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเลย “ลูกไม่กล้าเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เราฟังเพราะคิดว่าแม่คงไม่เข้าใจเขาหรอก”
คุณแม่แชร์ให้ฟังต่อถึงวิธีการเลี้ยงลูกของคุณแม่ว่า “แม่เลี้ยงลูกให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง” ไม่ต้องขีดเส้นทางให้ลูกว่าจะเดินไปทางนี้ทางนั้น แม่สร้างโอกาสให้เขาผ่านการศึกษา ผ่านการเลี้ยงดูเอาใจใส่ด้วยความเข้าใจ รับฟังแบบเพื่อน ให้ลูกได้ช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด และระลึกเสมอว่า “นี่คือชีวิตของเขา”
บางทีมันคงไม่ง่าย เพราะแน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคนต่างมีความหวังดีให้กับลูก อยากให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต อยากให้ลูกมีความสุข เลยกำหนดเส้นทางเดินให้ลูกที่ “ตัวเอง” คิดว่าดี คิดว่าเหมาะสม เพราะประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาบอกว่าอย่างนั้น แต่นั่นใช่ทางที่ลูกต้องการจะเดินไปหรือเปล่า
การที่เอาบทสนทนานี้มาแชร์ ไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะเห็นด้วย แค่อยากให้เป็นตัวจุดประกายความคิดและให้เราได้ถามตัวเองว่า
- ทุกวันนี้เราเข้าใจลูกในแบบที่เขาเป็นจริง ๆ หรือเปล่า?
- เรามีความคาดหวังที่จะให้เขาเป็นบางสิ่ง และมันอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่?
- ถ้าลูกไม่ได้เดินไปตามเส้นทางที่เราวางไว้ เราจะโอเคหรือไม่?
- และถ้าลูกเดินทางไปตามทางที่เราวางไว้ แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ชอบ ไม่มีความสุข เขาจะแข็งแกร่งพอที่จะลุยเส้นทางใหม่ที่ตัวเองต้องก้าวออกจากอ้อมแขนพ่อแม่ได้หรือไม่?
ลองตอบคำถามเหล่านี้แบบตรงที่สุดดูนะคะ แล้วถ้ามีคำตอบว่า “ไม่” เราคงต้องมาลองหาทางที่ให้เขาได้ค้นพบตัวตนของเขาให้มากกว่านี้และลองคิดดูว่าเราจะปรับตัวเราในฐานะพ่อแม่ได้อย่างไรบ้าง
แวะมาพูดคุยกับพวกเราชาวอินสติ๊งค์ฯ
ได้ที่ อินสติ๊งค์ เลิร์นนิ่ง (insThink Learning)
ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์ โซน Genius Planet
ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ หรือ โทร 084 515 4151